April 20, 2016

วิธีการเลือกซื้อแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) เบื้องต้นง่ายๆ

company1

ในปัจจุบันที่สมาร์ทโฟนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ทั้งเรื่องความสะดวก ความบันเทิง และช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับชีวิต ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สมาร์ทโฟนนั้นได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ของหลายๆ คนไปแล้ว และหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นทุกวัน มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อัพเดทโซเชียลเน็ตเวิร์กกันอยู่แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน รวมถึงความแรงและรวดเร็วในการประมวลผลเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ส่งผลให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนต้องจ่ายไฟมากขึ้นจนอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวันก็ต้องชาร์จไฟเข้าไปใหม่ ถึงแม้บางครั้งชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืนก็แล้วแต่ก็อยู่ได้ไม่เต็มวัน แบตเตอรี่ก็ลดลงถึงขีดแดงซะแล้ว หนึ่งในทางออกของปัญหานี้ก็คือ ต้องใช้ตัวช่วยอย่าง “แบตเตอรี่สำรอง” หรือที่เราเรียกกันอยู่บ่อยๆ ว่า “Power Bank” นี่เอง เพราะฉะนั้นในวันนี้เราจึงมี “วิธีเลือกซื้อ Power Bank เบื้องต้น” เข้าใจง่าย มาฝากทุกท่านค่ะ

1.) อันดับแรกต้องตรวจสอบสเปคสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณเสียก่อนว่าใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุกี่มิลลิแอมป์ (mAh)

2.) ลำดับต่อไป ตรวจสอบความสามารถในการจ่ายกระแสไฟของอะแดปเตอร์ (Adapter) สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต เพื่อเราจะได้นำข้อมูลตรงนี้ไปใช้ในการเลือกซื้อ Power Bank ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้ในระดับที่เหมาะสม เช่น สมมุติในตอนนี้คุณใช้แท็บเล็ตอยู่ อะแดปเตอร์ของแท็บเล็ตโดยส่วนใหญ่จ่ายกระแสไฟได้ 2.0A ในขณะที่อะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนโดยส่วนใหญ่จะจ่ายกระแสไฟได้ 1.0A ดังนั้น คุณก็ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้ 2.0A เท่ากับตัวอะแดปเตอร์ของแท็บเล็ต และถ้าหากคุณเลือกซื้อ Power Bank ที่จ่ายกระแสชาร์จได้เพียง 1.0A ก็จะใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่นานกว่าปกติ ดังนั้น ควรเลือก Power Bank ที่มีอัตราการจ่ายกระแสไฟเทียบเท่ากับตัวอะแดปเตอร์จะดีที่สุด

3.) หลังจากนั้นเราก็มาต้องดูเรื่องความจุของ Power Bank ก่อนที่จะเลือกซื้อกันบ้าง ซึ่งมีมากมายหลายขนาดความจุตามท้องตลาด ซึ่งหลักในการเลือกขนาดความจุที่เหมาะสมคือ ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุเกินค่า 2 เท่าของแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณอยู่เล็กน้อย เช่น ถ้าแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของคุณมีความจุ 2,000 mAh ก็ให้นำค่านี้คูณ 2 แล้วบวกขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจจะประมาณคร่าวๆ ได้ว่าควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุประมาณ 5,000-5,500 mAh ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งขนาดความจุนี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 2 รอบ ส่วนการซื้อ Power Bank ที่ขนาดความจุสูงเกินกว่านี้ แม้ว่าจะชาร์จได้หลายรอบมากกว่า แต่ก็จะตามมาด้วยขนาด Power Bank ที่ใหญ่โตมากกว่า, มีน้ำหนักมากกว่า และมีราคาสูงกว่าด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามวิธีในขั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละท่าน เพราะแน่นอนว่าถึงแม้ Power Bank ที่มีขนาดความจุมากๆ จะมีน้ำหนักและขนาดเพิ่มขึ้น แต่ก็จะมีช่องเสียบชาร์จ 2 ช่อง พร้อมกับระดับการจ่ายกระแสไฟที่มีทั้ง 1.0A และ 2.0A และสามารถเสียบชาร์จได้ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้พร้อมกันอีกด้วย

 

คุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีใน Power Bank

– ควรมีสเกลบอกระดับพลังงานคงเหลือ
การใช้ Power Bank ที่ไม่มีสเกลบอกระดับพลังงานเป็นอะไรที่น่าอึดอัด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีพลังงานเหลืออยู่เท่าไหร่ เมื่อจำเป็นต้องหยิบมาใช้สักทีก็อาจจะปรากฏว่าพลังงานใน Power Bank เองก็หมดไปเสียแล้ว กลายเป็นที่ทับกระดาษไปเสียอย่างนั้น

– ควรมีระบบป้องกันไฟลัดวงจร
Short Circuit Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการจ่ายไฟของ Power Bank โดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดการลัดวงจรขณะชาร์จ ช่วยป้องกันปัญหาไฟลุกไหม้ตัว Power Bank

– ควรมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็ม
Overcharge Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตโดยอัตโนมัติ เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม เพื่อไม่ให้เกิดการชาร์จไฟเกิน ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง และเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ

– ควรมีระยะเวลาการรับประกันที่ชัดเจน และมีเครื่องหมายการันตีรับรองคุณภาพสินค้า

(ขอขอบคุณที่มาของบทความนี้ : http://www.thaimobilecenter.com/article-2557/how-to-choose-your-power-bank.asp)

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *